วัสดุดิบผ้าไม่ทอ
วัสดุดิบผ้าไม่ทอ หรือผ้าไม่ทอ ถือเป็นเทคโนโลยีสิ่งทอแบบปฏิวัติวงการที่ได้เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมหลายประเภท ด้วยกระบวนการผลิตที่หลากหลายและคุณสมบัติการใช้งานที่โดดเด่น ต่างจากผ้าทอหรือผ้าถักแบบดั้งเดิม ผ้าไม่ทอผลิตโดยการยึดเส้นใยเข้าด้วยกันผ่านกระบวนการทางกล เคมี หรือความร้อน โดยไม่ต้องทำการทอหรือถัก วิธีการนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถสร้างวัสดุที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวตามการใช้งานที่แตกต่างกันได้อย่างแม่นยำ กระบวนการผลิตวัสดุดิบผ้าไม่ทอประกอบด้วยเทคนิคขั้นสูงหลายรูปแบบ เช่น การผลิตแบบสปันโบนด์ (spunbond) เมลท์โบลด์ (meltblown) เข็มเจาะ (needlepunch) และไฮโดรเอนแทนเกิลเมนต์ (hydroentanglement) ซึ่งช่วยให้สามารถผลิตผ้าที่มีความหนาแน่น ความแข็งแรง และความสามารถในการกรองที่แตกต่างกันได้ คุณสมบัติทางเทคโนโลยีของวัสดุดิบผ้าไม่ทอ ได้แก่ คุณสมบัติกันซึมได้ดีเยี่ยม ความสามารถในการดูดซับสูง และสามารถปรับความหนาได้ตามต้องการ วัสดุนี้มีความหลากหลายในเรื่องน้ำหนัก มักอยู่ในช่วงตั้งแต่รุ่นเบามากที่ 10 กรัมต่อตารางเมตร (GSM) ไปจนถึงรุ่นทนทานหนักพิเศษที่ 800 กรัมต่อตารางเมตร (GSM) แอปพลิเคชันของวัสดุดิบผ้าไม่ทอครอบคลุมหลายภาคส่วน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งใช้ทำชุดผ่าตัด หน้ากากอนามัย และเวชภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง อุตสาหกรรมยานยนต์ใช้วัสดุนี้สำหรับชิ้นส่วนภายใน ฉนวนกันความร้อน และระบบกรอง ด้านการเกษตรใช้เป็นผ้าคลุมพืช ผ้าเสริมดิน และวัสดุในโรงเรือนเพาะปลูก ในงานก่อสร้าง ผ้าไม่ทอทำหน้าที่เป็นผ้าทางวิศวกรรมโยธา (geotextiles) แผ่นรองหลังคา และวัสดุหุ้มตัวอาคาร อุตสาหกรรมสุขอนามัยพึ่งพาผ้าไม่ทอนี้อย่างมากในการผลิตแผ่นดูดกลางของผ้าอ้อม ผลิตภัณฑ์ดูแลสตรี และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใหญ่ที่มีปัญหาการควบคุมปัสสาวะ ด้านสิ่งแวดล้อม ใช้ในการควบคุมการพังทลายของดิน วัสดุรองพื้นหลุมฝังกลบ และระบบกรองน้ำ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ได้รับประโยชน์จากวัสดุดิบผ้าไม่ทอผ่านการใช้เป็นวัสดุห่อหุ้มป้องกัน ถุงช้อปปิ้ง และบรรจุภัณฑ์อาหาร